"เมื่อถึงเวลาที่ใจมันพัง เราต้องทำไงวะ?"
หลายครั้งที่เราต้องผ่านประสบการณ์เลวร้ายชิบหายในชีวิต อาจจะด้วยเรื่องความรัก สูญเสียคนใกล้ตัว ความผิดหวังในตัวเอง หรือเหตุการณ์อะไรก็ตามที่มันทำให้ใจเราพังพินาศ
เกือบทุกครั้งเราจะได้ยินคำว่า "มึง Move on ดิวะ" "Move on เถอะชีวิตเราต้องไปต่อ" หรืออีกหลายประโยคที่เชียร์อัพให้เราพุ่งไปข้างหน้าโดยทิ้งอดีตที่เลวร้ายไว้ด้านหลัง
จริงอยู่ที่ Move on ทำให้ชีวิตเราไปต่อ หลายคนจึงเคยมีความเชื่อว่าการ Move on ยิ่งเร็วก็ยิ่งผ่านความเจ็บปวดได้เร็ว ยิ่งหายจากความทรมานได้เร็ว เราจึงพยายามเร่งทำทุกวิธีให้พ้นจากจุดนั้น เราเร่งกลบทุกอย่างและบอกว่าตอนนี้เราโอเคแล้ว เรามีความสุขแล้ว จนกระทั่งวันนึงความพังมันก็ปะทุออกมาอีกรอบ
มีเพื่อนคนนึงเคยพูดว่า "จะรีบ Move on ทำไมวะ? ถ้าความรู้สึกมึงมันยังไม่ได้ก็เดินต่อแบบพังๆไม่เห็นจะเป็นไร"
หลายครั้งเราก็ยึดกับ Move on เพราะรู้สึกว่ายิ่งความพินาศของใจมันผ่านไปไวเท่าไหร่ก็ยิ่งดี โดยที่ลืมคิดไปว่าเมื่ออะไรบางอย่างมันพัง หรือแย่ที่สุดคือมันแตกหักไปแล้ว การกอบกู้แบบเร็วๆโดยเอามือโกยแล้วแปะติดไปเพื่อให้มันเป็นรูปเป็นร่าง โดยยึดติดแต่ว่ามันต้องเร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
สุดท้ายวันนึงมันก็ถล่มลงมาอีกอยู่ดี
"วันนี้ที่มึงพัง สิ่งที่มึงต้องยอมรับคือมึงพัง เราไม่จำเป็นต้องรีบ และไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา"
เสียใจก็ร้องไห้ อดทนไม่ไหวก็ไปหาเพื่อน คิดถึงก็คือคิดถึง ไม่จำเป็นต้องรีบแข็งแรง เพราะไม่มีใครคาดหวังว่าเราจะต้องผ่านมันไปได้ในวันสองวัน เราอาจต้องใช้เวลาและเครื่องมือมากกว่านั้นในการเก็บประกอบของที่พังพินาศให้คืนรูป
และ Move on จริงๆอาจจะไม่ใช่การที่ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ตรงนั้นอาจจะร้าว ตรงนี้อาจจะมีแผลเป็นมีตำหนิ ก็ไม่เป็นไร เราก็อยู่กับมันไปพร้อมกับชีวิตของเราที่ต้องเดินต่อ
"มันไม่มีวันเหมือนเดิมหรอก แต่มึงจะเรียนรู้วิธีการอยู่กับความไม่เหมือนเดิมยังไงให้ดีที่สุดได้"
รัก
ช่า บันทึกของตุ๊ด